เกมที่ไม่มีใครอยากให้จบ อินเตอร์ และบาร์ซ่า ได้มอบการแข่งขันระดับตำนานเอาไว้

เกมที่ไม่มีใครอยากให้จบ อินเตอร์ และบาร์ซ่า ได้มอบการแข่งขันระดับตำนานเอาไว้

“มันให้เราทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ ทุกอย่างเกี่ยวกับรอบรองชนะเลิศนี้เป็นความบันเทิงล้วนๆ” Alan Shearer (อลัน เชียเรอร์) กล่าว เป็นครั้งที่สองในหกวันที่ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) และ Barcelona (บาร์เซโลนา) สร้างการแข่งขันระดับคลาสสิกของยุโรป เมื่อแชมป์จาก Italy (อิตาลี) เอาชนะไป 4-3 ในเกมนี้ – รวมผลการแข่งขันสองนัด 7-6 – ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในที่สุด เป็นทีมแรกที่เข้าไปรอที่ มิวนิค ก่อน ประตูของ Raphinha (ราฟินญ่า) ในนาทีที่ 87 เป็นครั้งแรกที่ Barca (บาร์ซา) ขึ้นนำในผลรวมสองนัด แต่ Francesco Acerbi (ฟรานเชสโก อเชร์บี) ทำประตูแรกในยุโรปของเขาที่อายุ 37 ปี นำเกมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นนี้เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยที่ Davide Frattesi (ดาวิเด้ ฟราตเตซี) ที่ลงมาเป็นตัวสำรองทำประตูชัยส่งแฟนบอล Inter (อินเตอร์) กว่า 70,000 คนในสนาม San Siro (ซาน ซีโร) เข้าสู่ความปลาบปลื้ม นับเป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) ที่มีประตูรวมสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยประตูรวม 13 ลูกเทียบเท่ากับรอบรองชนะเลิศปี 2018 เมื่อ Liverpool (ลิเวอร์พูล) เอาชนะ Roma (โรมา) ด้วยผลรวม 7-6 เช่นกัน “เราไม่ได้คาดหวังแบบนี้ ใช่ไหม?” อดีตกัปตันทีมชาติ England (อังกฤษ) ที่อยู่ในสนาม San Siro (ซาน ซีโร) เพื่อรายงานให้กับ Amazon Prime (อเมซอน ไพรม์) กล่าวเสริม “เราคาดหวังเกมที่ดี แต่แบบนี้เหรอ? ขอบคุณ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) ขอบคุณ Barcelona (บาร์เซโลนา) ที่มอบความบันเทิงสุดพิเศษและเกมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมสองเกม” “สิ่งที่เราได้เห็นเป็นอะไรที่พิเศษมาก มันเป็นเกียรติที่ได้มาอยู่ที่นี่” Inter (อินเตอร์) จะเผชิญหน้ากับผู้ชนะระหว่าง Paris St-Germain (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) หรือ Arsenal (อาร์เซนอล)  ที่จะพบกันในรอบรองชนะเลิศอีกคู่ที่ France (ฝรั่งเศส) 

 

การแข่งขันที่จารึกในประวัติศาสตร์ทั้งสองทีมได้สร้างตำนานบทใหม่ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก

 

ในคืนอันน่าจดจำที่สนาม San Siro (ซาน ซีโร) แฟนฟุตบอลทั่วโลกได้เป็นประจักษ์พยานถึงเกมการแข่งขันที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป เมื่อ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) แชมป์จาก Italy (อิตาลี) เอาชนะ Barcelona (บาร์เซโลนา) ด้วยสกอร์ 4-3 ในเกมนัดที่สอง ส่งผลให้ชนะด้วยสกอร์รวม 7-6 คว้าตั๋วผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) อย่างสุดระทึก สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรปสร้างความบันเทิงระดับสุดยอดให้กับแฟนบอลกว่า 70,000 คนในสนาม และอีกหลายล้านคนที่รับชมผ่านจอโทรทัศน์ทั่วโลก ราคาต่อรองบอล นับเป็นการแข่งขันที่รวมความตื่นเต้น ระทึกใจ พลิกล็อก และประตูสุดสวยไว้ครบทุกรสชาติ “มันให้เราทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ ทุกอย่างเกี่ยวกับรอบรองชนะเลิศนี้เป็นความบันเทิงล้วนๆ” Alan Shearer (อลัน เชียเรอร์) อดีตกัปตันทีมชาติ England (อังกฤษ) ที่มารายงานเกมให้กับ Amazon Prime (อเมซอน ไพรม์) กล่าวด้วยความประทับใจ เกมแรกที่สนามในแคว้น Catalonia (คาตาลุญญา) Barcelona (บาร์เซโลนา) ตามหลัง 0-2 และ 2-3 ก่อนที่จะไล่ตีเสมอ 3-3 ในช่วงท้ายเกม สร้างความหวังให้กับทีมในการบุกมาเยือนถิ่น San Siro (ซาน ซีโร) แต่แล้วในเกมนัดที่สอง Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) กลับเป็นฝ่ายออกนำ 2-0 ในครึ่งแรก ทำให้สกอร์รวมสองนัดนำห่าง 5-3 Barcelona (บาร์เซโลนา) ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาแสดงความเด็ดเดี่ยว กัดฟันสู้ และสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการยิงสามประตูรวดในครึ่งหลัง จนกระทั่ง Raphinha (ราฟินญ่า) ทำประตูในนาทีที่ 87 ส่งให้ทีมขึ้นนำในผลรวมสองนัดเป็นครั้งแรก ความฝันของการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศดูเหมือนจะเป็นจริง ราคาต่อรองบอล แต่แล้วความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Francesco Acerbi (ฟรานเชสโก อเชร์บี) นักเตะวัย 37 ปีของ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) ทำประตูแรกในศึกยุโรปของเขา นำเกมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์รวม 6-6 ก่อนที่ Davide Frattesi (ดาวิเด้ ฟราตเตซี) ตัวสำรองคนสำคัญจะกลายเป็นฮีโร่ด้วยการทำประตูชัยในช่วงต่อเวลา ส่งให้แฟนบอล Inter (อินเตอร์) ปลาบปลื้มสุดขีด

 

สถิติและตัวเลขอันน่าทึ่ง ของเกมสุดระทึกใจเกมนี้

 

การแข่งขันรอบรองชนะเลิศระหว่าง Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) และ Barcelona (บาร์เซโลนา) สร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) ด้วยจำนวนประตูรวมสองนัดสูงถึง 13 ประตู เทียบเท่ากับสถิติเดิมในปี 2018 เมื่อ Liverpool (ลิเวอร์พูล) เอาชนะ Roma (โรมา) ด้วยสกอร์รวม 7-6 เช่นกัน เป็นเกมรอบรองชนะเลิศ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) ที่มีการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ Francesco Acerbi (ฟรานเชสโก อเชร์บี) กลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดคนหนึ่งที่ทำประตูในรอบรองชนะเลิศ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) ที่อายุ 37 ปี ทั้งสองทีมใช้นักเตะลงสนามรวมกันมากกว่า 30 คนตลอดการแข่งขันสองนัด แฟนบอลกว่า 70,000 คนในสนาม San Siro (ซาน ซีโร) ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ หลังจบเกม ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันครั้งนี้ ผู้เล่นหลายคนยอมรับว่านี่คือหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยมีส่วนร่วม

“นี่คือสิ่งที่ฟุตบอลควรจะเป็น ความมุ่งมั่น ความทุ่มเท และจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้” กุนซือของ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) กล่าว “ทุกคนในทีมเป็นฮีโร่ในค่ำคืนนี้ โดยเฉพาะแฟนบอลของเราที่ไม่เคยหยุดเชียร์แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก” ด้านกุนซือของ Barcelona (บาร์เซโลนา) แม้จะผิดหวังแต่ก็ยอมรับว่า “นี่คือฟุตบอลในแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด เราเสียใจกับผลการแข่งขัน แต่ภูมิใจในความพยายามของทีม เราจะกลับมาแข่งขันในระดับนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน” Raphinha (ราฟินญ่า) ดาวยิงของ Barcelona (บาร์เซโลนา) กล่าวว่า “แม้จะเจ็บปวด แต่เราต้องยกความดีความชอบให้กับ Inter (อินเตอร์) เช่นเดียวกับ อลัน เชียเรอร์ ที่ประทับในในเกมนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลอีกหลายคนเห็นพ้องว่า การแข่งขันครั้งนี้จะถูกจดจำไปอีกหลายปี และอาจกลายเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ Champions League (แชมเปี้ยนส์ ลีก) “สิ่งที่เราได้เห็นเป็นอะไรที่พิเศษมาก มันเป็นเกียรติที่ได้มาอยู่ที่นี่” Shearer (เชียเรอร์) กล่าวเสริม Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) จะเผชิญหน้ากับผู้ชนะระหว่าง Paris St-Germain (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) หรือ Arsenal (อาร์เซนอล) ในรอบชิงชนะเลิศ โดยทั้งสองทีมจะทำการแข่งขันในวันพุธที่ France (ฝรั่งเศส) โดย PSG (เปแอสเช) นำ 1-0 จากเกมแรก ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ทุกคนคงเห็นพ้องว่า การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะต้องพิเศษมากเพื่อที่จะเทียบเคียงกับความระทึกใจของรอบรองชนะเลิศระหว่าง Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) และ Barcelona (บาร์เซโลนา) ในขณะที่ Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่บนเวทียุโรป การแข่งขันรอบรองชนะเลิศระหว่าง Inter Milan (อินเตอร์ มิลาน) และ Barcelona (บาร์เซโลนา) ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันฟุตบอล แต่ยังเป็นงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามของกีฬาชนิดนี้ ความทุ่มเทของนักกีฬา และพลังของแฟนบอลที่ส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด “เกมที่ไม่มีใครอยากให้จบ” เป็นคำบรรยายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์นี้ และแน่นอนว่ามันจะถูกพูดถึงไปอีกหลายปีในฐานะหนึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป

 

admin Avatar

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

No comments to show.